บทที่ 5 ตอนที่ 5

“คุณก็ระวังตัวให้ดีก็แล้วกันครับ ผมไม่อยากให้คุณเป็นศพที่สี่”

ระเบิดหลอนประสาทที่ถูกจุดชนวนเรียบร้อยแล้วถูกยัดมาใส่มือของหล่อนเอาไว้ถึงสองลูก หญิงสาวหน้าซีดเผือดปากคอสั่น

“ฉัน... ฉันคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น... หรอกค่ะ...”

ธีรดลที่กำลังจะเดินจากไปชะงักเท้า พร้อมกับเสียงหัวเราะเยือกเย็นที่ดังขึ้น “แต่เท่าที่ผมเห็น... คุณก็ไม่ใช่คนโชคดีนะครับ คุณม่านทอง”

“คุณ... คุณหมายว่า...”

“ไปจากที่นี่ซะเถอะครับ แล้วคุณจะปลอดภัย”

แล้วคู่สนทนาที่ปลุกความหลอนกระพือพรึ่บขึ้นในสมองของหล่อนก็เดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้หล่อนยืนเคว้งคว้างวังเวงอยู่เพียงลำพัง ม่านทองหมุนมองรอบกายด้วยความขลาดกลัว ฉับพลันเสียงกิ่งไม้หักก็ดังขึ้นด้านหลัง

“ใครน่ะ” หันกลับไปมองแต่ก็ไม่พบใคร หญิงสาวยิ่งกลัวมากขึ้น

“ออกมานะ อย่ามาเล่นแบบนี้นะ”

ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากเสียงลมพัดแรงๆ ผ่านไปมา ม่านทองขาสั่น ก่อนจะตัดสินใจรีบกลับเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังงามด้วยความขลาดกลัวเป็นที่สุด

“นายน้อยครับ”

ธีรดลเคาะประตูห้องสองครั้ง และก็รอจนคนในห้องเอ่ยอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงใหญ่ของจอมราชยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ผมทำตามคำสั่งของนายน้อยเรียบร้อยแล้วครับ”

คนฟังยิ้มหยันที่มุมปาก พร้อมกับหมุนตัวกลับมา ดวงตาสีนิลเนื้อดีเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“ดีมาก แล้วแม่นั่นเป็นยังไงบ้าง ยอมกลับไปหรือเปล่า”

“ผมไม่ทราบครับ คุณม่านทองเธอไม่ได้พูดอะไร”

“ไม่ได้พูดอะไร” จอมราชทวนคำพูดของคนสนิทก่อนจะตวาดออกมา “ไม่ได้พูดอะไรออกมา งั้นก็แสดงว่าเธอจะไม่ไปจากที่นี่อย่างนั้นน่ะสิ ไหนนายบอกว่าทำงานเรียบร้อยยังไงล่ะ”

ธีรดลสะดุ้งตกใจ “คือคุณม่านทองเธอหวาดกลัวครับ แต่เธอไม่ได้บอกว่าจะไปจากที่นี่หรือเปล่า ผม... ผมก็ไม่กล้าที่จะถามเธอครับ”

“บ้าชิบ!”

จอมราชสบถอย่างหัวเราะเสีย เขาไม่ต้องการแต่งงาน ไม่ว่าจะกับผู้หญิงคนไหนก็ตาม พวกหล่อนไม่มีคุณค่าพอที่จะให้เขายกย่อง มือใหญ่กำแน่น เรื่องราวที่รัสเซียยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัว

“งั้นคืนนี้นายไปจัดการ เอาให้หลอนจนผมตั้งไปเลย”

“แต่นายน้อยครับ...”

จอมราชตวัดสายตาคมกริบจ้องมองคนสนิท

“นายกำลังจะบอกอะไรฉันหรือ”

“ผม... ผมคิดว่าคุณม่านทองเธอก็ไม่เลวนะครับ หน้าตาก็สะสวย แถมยังดูจิตใจดีอีกต่างหาก บางที... เธอจะไม่เหมือนคุณ... ดลฤดีก็ได้นะครับ”

“หุบปาก!”

“ครับ ครับนายน้อย”

ธีรดลตัวสั่น รีบก้มหน้าไม่กล้าที่จะคัดค้านอะไรอีก

“นายจะไปรู้อะไร นายไม่ใช่ฉันนี่ ฉัน... ฉันเจ็บ”

นิ้วแกร่งจิ้มไปที่หน้าอกของตัวเองแรงๆ นัยน์ตาสีนิลแดงก่ำด้วยความทุกข์ทรมาน

“เจ็บตรงนี้รู้ไหม เจ็บจนแทบขาดใจ ฉันจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว”

“ครับนายน้อย”

ฉับพลันดวงตาแดงก่ำของจอมราชก็เปลี่ยนเป็นสีเพลิง

“ไปทำตามที่ฉันสั่ง ไปสิ”

“ครับ ครับนายน้อย”

ธีรดลรีบน้อมรับก่อนจะรีบถอยออกไปจากห้องนอนของจอมราช ผู้ชายที่มีแผลลึกในหัวใจจนไม่อาจจะเยียวยาได้อีก

“อยู่ที่นี่ได้เกินสามวัน ก็เก่งแล้ว ม่านทอง ศิริภูวดล”

ชายหนุ่มขบกรามแน่น เดินไปทรุดนั่งลงบนเตียงนอนนุ่ม แม้จะพยายามไม่คิดถึงแค่ไหน แต่ใบหน้านวลใส และรอยยิ้มอ่อนหวานของแม่ผู้หญิงที่บิดาเลือกเอาไว้ให้ก็ยังคงก่อกวนอยู่ภายในอก ดวงตากลมโตสดใสแบบนี้เขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ จอมราชพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก

และอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้ นั่นก็คือม่านทอง ศิริภูวดลงดงามราวกับนางฟ้า หล่อนอาจจะไม่ได้สวยจัดเท่ากับดลฤดี แต่รอยยิ้มจริงใจกับสองลักยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากทำให้เขาชะงักไปนานเลยทีเดียว

ชายหนุ่มถอนใจออกมาเบาๆ หากไม่มีแผลลึกในจิตใจ ม่านทองก็ไม่ได้แย่เกินไปสำหรับผู้หญิงที่จะมาเป็นเจ้าสาว

จอมราชยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองสองสามครั้งอย่างสับสน ร่างใหญ่เอนกายลงนอนบนเตียง ก่อนจะหลับตาลงไปในที่สุด

“ว๊าย!”

ม่านทองสะดุ้งและกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อร่างของตัวเองชนเข้ากับอะไรบางอย่างในระหว่างที่วิ่งกลับห้องนอน

“หนูม่านทอง... หนูเป็นอะไรไป”

เสียงคุ้นหูทำให้คนที่ยกมือปิดหน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นว่าเป็นวิทวัส เสียงถอนใจด้วยความโล่งอกก็ดังขึ้น

“คุณลุงนั่นเอง”

“ก็ลุงน่ะสิ ว่าแต่หนูม่านทองเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมเหมือนกับกำลังกลัวอะไรสักอย่าง”

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

“ม่าน... ม่านกลัว... กลัวผีค่ะ”

“ผี?!”

ม่านทองแปลกใจไม่น้อยที่เห็นวิทวัสหัวเราะ

“คุณลุง... ไม่กลัวบ้างเหรอคะ”

“ก็ลุงจะกลัวทำไมล่ะ ก็ที่นี่มันมีผีซะที่ไหน”

ศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีดอกเลาส่ายไปมาน้อยๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังอย่างต่อเนื่อง จนม่านทองรู้สึกเอะใจขึ้นมา

“ไม่มีผี... แล้วที่นี่เคยมีศพไหมคะ”

คราวนี้วิทวัสยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่

“หนูม่านทองตามลุงมานั่งที่ระเบียงเถอะ ลุงว่าเราต้องคุยกันซะแล้ว”

ร่างของชายสูงวัยเดินไปทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ไม้สักริมระเบียง สายลมเย็นฉ่ำพัดเข้ามาปะทะผิวกายทำให้ม่านทองรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณลุง... ยังไม่ได้ตอบม่านเลยนะคะว่าที่นี่...” พูดไปก็หันไปมองรอบๆ ตัวไป

“เคยมีศพของคนตายหรือเปล่า”

“ไปเอาเรื่องไร้สาระพวกนี้มาจากไหนกันล่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป